ปีนี้เป็นปีที่ 10ของการเสียชีวิตของจ่าง..แซ่ตั้ง..ศิลปินและ
กวีผู้เชื่อมั่นอยู่เต็มหัวใจ ....เนื่องในโอกาสนี้ ...คุณทิพย์..แซ่ตั้ง
ทายาทของเขาจึงได้จัดแสดงจิตรกรรมชุด "ใบหน้าตนเอง"ของ
จ่าง ขึ้น ณ..เมอร์คิวรีอาร์ตแกลลอรีชิดลมในระหว่างวันที่ 21
มีนาคมถึง 9เมษายน 2543ในนิทรรศการครั้งนี้จะมีภาพเขียน
ใบหน้าตนเองของศิลปินจ่างแซ่ตั้งซึ่งเขียนขึ้นด้วยกรรมวิธีและ
เทคนิคต่างๆไม่ว่าจะเป็นสีน้ำมันสีน้ำสีโปสเตอร์ดินสอสี
ปากกาหัวกำมะหยี่ปากกาลูกลื่นและหมึกดำให้ชมถึง 400ภาพ
ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่
....ผมทราบข่าวนี้ด้วยความตื่นเต้นยินดีนอกจากผมจะเป็น
คนร่วมสมัยกับศิลปินผู้นี้แล้วศิลปินจ่างเองก็เคยออกปากว่าผม
เป็นเพื่อนของเขาด้วยแน่นอนสมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่และเริ่มต้น
แสวงหาหนทางในการสร้างสรรค์รวมกลุ่มอยู่กับประเทือง
เอมเจริญด้วยการทำงานอย่างหนักนั้นผมเองก็แสวงหาหนทาง
ของตัวเองอยู่ในสถาบันการศึกษาศิลปะเช่นกันด้วยชื่อเสียงของ
การทำงานอย่างทุ่มเทและมุ่งมั่นทำให้ผมและใครๆหลายคน
ไม่สามารถเก็บความชื่นชมศรัทธาในตัวศิลปินผู้นี้ได้เขาเหล่านั้น
เดินทางไปยังบ้านในซอยตากสินของศิลปินจ่างเพื่อฝากตัว
เป็นศิษย์บ้างพบปะเสวนาทางศิลปะเพื่อเพิ่มพูนความรู้บ้าง
สำหรับผมเดินทางไปพบจ่าง...แซ่ตั้งในฐานะกวีหนุ่มไฟแรงผู้สร้าง
แบบอย่างการประพันธ์ที่แตกต่างเพื่อนำลงในวารสารดำ-แดง
ปริทัศน์ซึ่งผมเป็นบรรณาธิการอยู่และกวีจ่างก็เลือกบทกวี
แม่กับลูกอันลึกซึ้งประทับใจมาให้ผม
.............บ้านของศิลปินไฟแรงแห่งยุคสมัยปลูกอย่างเรียบง่าย
น่ารักและน่าอยู่พื้นที่เป็นดินปรับเรียบบดแน่นจนเป็นมัดปูด้วย
เสื่อรำแพนโดยตลอดส่วนที่ใช้รับแขกเป็นส่วนที่จัดเป็นห้องแสดง
ภาพด้วยภาพส่วนใหญ่ที่ติดตั้งไว้เป็นงานจิตรกรรมในแนวทาง
แอ็คชั่นเพนท์ติ้งซึ่งเป็นแนวทางที่จ่างถนัดแต่ในจำนวนนั้นมีอยู่
ภาพหนึ่งเป็นภาพขนาดใหญ่เขียนเป็นใบหน้าตัวศิลปินเองภาพ
เขียนชิ้นนี้ต่อมาได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงมากใช้แทนตัว
ศิลปินจ่างทีเดียวทำให้ผมรู้ว่านอกเหนือจากภาพในแนวทาง
ลีลาท่าทางแล้วจ่างยังเขียนภาพตัวเองเอาไว้ด้วยแต่ก็ไม่รู้ว่ามี
จำนวนเท่าใดเพิ่งจะมาทราบจากคุณทิพย์เมื่อเขานำมาเปิด
นิทรรศการครั้งนี้ว่าภาพในท่วงทำนองนี้ศิลปินจ่างสร้างเอาไว้
นับร้อยนับพันชิ้นทีเดียวเท่าที่มาเปิดแสดงให้ชมกันครั้งนี้คัดมา
เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
.............จิตรกรรมภาพเหมือนตัวเองของจ่างแซ่ตั้งทางวิชาการ
เรียกว่าภาพคนเหมือน (PORTRAIT)ไม่ว่าจะเป็นภาพลายเส้น
ภาพวาดภาพถ่ายรูปแกะสลักหรือรูปปั้นทั้งสิ้นของบุคคลใด
บุคคลหนึ่งไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตไปแล้วเราล้วนเรียกว่า
ภาพคนเหมือนทั้งสิ้นจุดเน้นสำคัญของภาพในลักษณะนี้อยู่ที่
การสร้างขึ้นเพื่อบันทึกลักษณะและสภาพของบุคคลนั้นไว้ดังนั้น
ภาพคนเหมือนทั่วไปจึงเน้นความเด่นชัดที่ใบหน้าแต่ก็มีเหมือนกัน
ที่สร้างต่อไปถึงครึ่งตัวและมักจะอยู่ในลักษณะตรงหรือเอียงเล็กน้อย
ไม่สู้จะมีคนนิยมเขียนภาพคนเหมือนในด้านข้างเท่าใดนักเพราะ
มีรายละเอียดไม่ครบและไม่สามารถทำให้เหมือนคนจริงได้
.............ศิลปินจำนวนไม่น้อยฝึกฝนเขียนภาพคนเหมือนจาก
ใบหน้าตนเองโดยอาศัยมองเงาสะท้อนจากกระจกซึ่งก็จะทำให้
เกิดภาพกลับด้านไม่ตรงตามความเป็นจริงเสียทั้งหมดศิลปิน
บางคนเลี่ยงไปใช้ภาพถ่ายแต่หลายคนก็อาศัยเขียนจากบุคคลอื่นๆ
ซึ่งอาจเป็นคนในครอบครัวคนรู้จักหรือคนทั่วไป
.............สำหรับเทคนิควิธีการเขียนก็หลากหลายต่างๆไปสุดแล้ว
แต่ศิลปินแต่ละคนจะหยิบฉวยมาใช้ได้ศิลปินจำนวนไม่น้อย
คลี่คลายใบหน้าของตนเองจากภาพเหมือนจริงไปสู่ภาพในลักษณะ
แบบอย่างอื่นตามแนวทางสร้างสรรค์เฉพาะตนภาพคนเหมือนที่
มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกคือภาพโมนาลิชา
.............จิตรกรรมใบหน้าตัวเองของศิลปินจ่างแซ่ตั้งก็เช่นกัน
นอกจากจะเป็นการบันทึกสภาพแห่งยุคสมัยของศิลปินในแต่ละ
ช่วงเวลาแล้วเทคนิคอันหลากหลายทำให้เห็นการคลี่คลายและ
การพัฒนาของงานใบหน้าตนเองได้อย่างชัดเจนหากเราจะลอง
จัดกลุ่มดูจะพบว่าจิตรกรรมชุดนี้ของจ่างสร้างขึ้นเป็น 6กลุ่ม
กลุ่มแรกเป็นผลงานในแบบเหมือนจริงผลงานในลักษณะนี้มีทั้ง
ที่เขียนขึ้นด้วยเส้นปากกาและสีน้ำมันเป็นงานที่เขียนขึ้นในช่วงปี
ค.ศ. 1977ลักษณะงานยังไม่แสดงตวามเด่นชัดทางด้านใด
นอกจากแสงเงาและความเหมือนจริงแต่ก็มีอยู่บ้างที่เริ่มคลี่คลาย
ลงเป็นงานที่แสดงเพียงรูปและพื้น
.............กลุ่มที่สองเป็นงานที่สร้างขึ้นในช่วงปี 1983แต่ทำ
ไม่มากนักเป็นงานสีน้ำมันบนผ้าใบลักษณะงานเป็นไปในแบบ
สะเทือนอารมณ์แสดงลีลาของรอยแปรงที่อิสระและรวดเร็ว
ซึ่งถือเป็นแนวทางที่จ่างยึดถือและใช้ในการสร้างสรรค์งาน
จิตรกรรมเป็นระยะเวลาหนึ่ง
.............กลุ่มที่สามเป็นงานที่เริ่มต้นสร้างตั้งแต่ปี 1980และมาทำ
อย่างจริงจังในช่วงปี 1985ส่วนใหญ่เป็นงานสีน้ำมันและสีน้ำบน
กระดาษลักษณะงานสืบเนื่องจากกลุ่มแรกหากแต่มีการสกัด
ตัดทอนรูปทรงบางอย่างออกไปนอกจากนั้นยังให้ความสำคัญกับ
รอยแปลง..และการแตะแต้มมากขึ้นเราอาจจัดงานยุคนี้เป็นแนว
ทางอิมเพรสชั่นนิสม์ได้
.............กลุ่มต่อมาซึ่งมีไม่มากนักเป็นงานแบบคิวบิสเขียนขึ้น
ในช่วงปี 1985ด้วยเส้นปากกาหัวกำมะหยี่ผมไม่ได้เห็นว่ามีการ
นำภาพแนวทางนี้ไปสร้างงานจิตรกรรมสีน้ำมันต่อมาอีกหรือไม่
.............กลุ่มสัญลักษณ์เป็นงานที่สอดแทรกอยู่เกือบทุกกลุ่ม
เป็นการคลี่คลายรูปทรงโดยใช้อารมณ์ของตัวอักษรทั้งภาษาจีน
และภาษาไทยเข้ามาช่วยสัญลักษณ์เหล่านี้.ในช่วงเวลาหนึ่งถูกนำ
มาใช้แทนตัวศิลปินด้วย
.............กลุ่มสุดท้ายเป็นกลุ่มนามธรรมสร้างขึ้นในช่วงปี 1985
เช่นกันส่วนใหญ่เป็นงานสีน้ำบนกระดาษลักษณะเป็นการแตะ
แต้มสีสันต่างๆลงบนกระดาษโดยไม่คำนึงถึงรูปทรงและความ
เหมือนจริงจนบางครั้งก็ไม่หลงเหลือเค้ารอยของภาพคนเหมือน
.............จะเห็นได้ว่าในช่วงปี 1985ของจ่างแซ่ตั้งเขาได้ใช้ใบหน้า
ตนเองสร้างสรรค์ผลงานศิลปกรรมในแนวทางต่างๆอย่างหลาก
หลายและเมื่อมาถึงวันนี้เมื่อผลงานเหล่านั้นได้รับการจัดวาง
แสดงต่อสายตาประชาชนก็นับเป็นประโยชน์ต่อผลงานวิชาการ
ทางศิลปะเป็นอย่างยิ่ง
.............ขอบคุณคุณทิยพ์..แซ่ตั้งที่ให้โอกาสแก่ผมและคนรักศิลปะ
ในอันที่จะได้ชื่นชมงานที่ถึงพร้อมของศิลปินเอกแห่งยุคสมัยผู้ที่
ธรรมชาติช่วงชิงเขาจากเราเร็วเกินไป…จ่าง แซ่ตั้ง