..........ก็คือผู้ชะล้างกิเลสตัณหาดำให้พ้นจากตนพ้น
จากผู้อื่นไม่ใช่พอกกิเลสตัณหาดำให้กับตนให้กับผู้อื่นผู้สร้าง
ศิลปกรรมวรรณกรรมมีธุระที่จะต้องทำก็คือสร้างเสริม
ตัวเองให้มีคุณภาพในทางมีคุณธรรมดีงามและช่วยสร้าง
เสริมผู้อื่นให้มีคุณภาพของคนให้มีมากขึ้นในทางคุณธรรม
ดีงามเมื่อคนมีคุณภาพมีคุณธรรมดีงามสมบรูณ์พร้อม
ย่อมมีโอกาสสู่ความมีอารยธรรมร่วมกัน

..........ถ้าผู้สร้างสรรค์ศิลปกรรมวรรณกรรมยิ่งพอกกิเลส
ตัณหาดำให้กับตนให้กับผู้อื่นก็มีแต่ที่จะถอยหลังกลับไปสู่ความ
ป่าเถื่อนที่ไม่มีอารยธรรมดีงามในโลกของคนหรือทางโลก
นั้นก็มีกิเลสตัณหาอยู่สองหนึ่งคือกิเลสตัณหาดำกิเลส
ตัณหาที่มีแต่ความอัปมงคลความชั่วความคดโกงกดขี่ขูดรีด
ปล้นฆ่าอีกหนึ่งคือกิเลสตัณหาขาวกิเลสตัณหาที่มีความ
สิริมงคลความดีงามมีคุณธรรมดีงามมีอารยธรรมดีงาม