ฉันจำได้ว่าตอนเก้าขวบฉันรู้เรื่องว่าบ้านเกิดของฉันอยู่ที่ตลาดสมเด็จฝั่งธนบุรี
ตอนนั้นฉันถูกเกณฑ์เรียนหนังสือที่โรงเรียนเทศบาลสองวัดพิชัยญาติเรียนชั้นมูล
สอบได้ที่สี่ก็ซื้อหนังสือ ”ลูกกบ”เรียนได้ไม่เท่าไรสงครามก็เกิดขึ้นจนเดี๋ยวนี้อายุ
สามสิบหกขวบ (ปีจอ)มีเมียหนึ่งมีลูกชายสี่ลูกสาวสองฉันก็
ยังไม่เคยได้เข้า
โรงเรียนอีกเมื่อสี่ห้าปีที่แล้วก็ยังไม่มี
โอกาสพูดภาษาไทยได้ชัดได้เข้าใจ
เมื่อฉันพูดภาษาไทยทุกครั้งคนอื่น
ฟังแล้วก็ว่าฉันพูดไม่รู้เรื่องสามสี่ปี
มานี้ก็เลยพยายามหัดพูดหัดเขียน
หนังสือไทยเพื่อให้ตนเองมีโอกาสจะได้
ดีขึ้นบ้างและก็เป็นโชคดีของหนังสือที่ฉันเขียนมีผู้หวังดีให้ความช่วยเหลือ
จัดพิมพ์ให้ฉันดีใจสิ่งที่ฉันเขียนนั้นผู้อื่นได้มีโอกาสร่วมกันศึกษาเพื่อเพิ่มพูนความรู้ร่วมกันเพื่อ
ให้ฉันได้มีโอกาสพูดภาษาไทยและเขียนหนังสือไทยให้ได้ดีขึ้น

สำหรับส่วนใหญ่ของชีวิตช่วงหลังยี่สิบหกปี...ฉันมักจะหมกมุ่นอยู่กับการสร้างภาพเขียน
เพื่อหวังให้มีปัญญาภูมิรู้เพิ่มขึ้นเพื่อให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้นมาบ้างและก็ได้มีโอกาสแบ่งกัน
ศึกษาร่วมกัน..บางคนว่าฉันได้มีโอกาสเป็นผู้ใหญ่ให้ผู้อื่นบ้าง...ฉันก็ว่ามันยังน้อยเกินไปเมื่อ
ฉันคิดถึงแม่น้ำเจ้าพระยาทะเลและนักปราชญ์ในอดีตและปัจจุบันและสิ่งอื่นอื่นในโลกให้
แก่เรานั้นมันมากเหลือคณาที่จะนับเป็นคุณธรรมอันยิ่งใหญ่และเป็นโชคของฉันและคนอื่น
ร่วมกัน...ฉะนั้นฉันจึงคิดและกล้าที่จะพยายามดิ้นรนทำในสิ่งที่เห็นว่าดีว่าสมควรโดยอยู่ใน
ที่ตั้งที่ไม่เบียดเบียนกันให้อยู่ในที่ตั้งเพื่อความหวังดีต่อกันเท่าที่ความสามารถของฉันจะทำ
ได้เพื่อความทรงจำที่ดีร่วมกัน...ฉันคิดว่าเราทุกคนมาร่วมกันช่วยกันคนละนิดคนละหน่อย
ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปในทางที่ดี

ฉันเคยคิดถึงเสมอถึงข้อเขียนของฉันเอง

_________บท “นั่งก่อกองไม้”

___________________เด็กคนนั้น
___________________นั่งก่อกองไม้
___________________ให้เป็นเมือง
___________________ตั้งแต่เช้า
___________________ถึงกลางวัน
___________________จนถึงเย็น

___________________แล้วความมืดก็มา
___________________ยืนหัวเราะชอบใจ
___________________เด็กคนนั้นก็บอกว่า
___________________เมื่อกลางวันความสว่าง
___________________ก็มายืนหัวเราะเหมือนเธอ
___________________แล้วก็จากไป

___________________เมื่อถึงรุ่งอรุณแล้ว
___________________เธอก็ต้องจากไปเช่นกัน
___________________แล้วพบกันใหม่
___________________ทุกค่ำคืน.



ฉันคิดว่าว่าความหวังในทางที่ไม่ดีนั้นไม่มีประโยชน์อันใดที่จะมีสำหรับความทรงจำ
ความหวังที่ดีต่อกันต่างหากที่เป็นความทรงจำที่สดชื่นเสมอ
..เป็นความทรงจำที่ดี
อันยาวนาน
..สำหรับ “ความมืด”หรือ “ความสว่าง" นั้นก็ยังดีกว่าคนอย่างเราอีกมาก
ที่ยังมีโอกาสไปแล้วก็กลับคืนมาทุกวันวันทุกค่ำคืน...คนอย่างเราเมื่อตายดับจากไปแล้ว
ก็อย่าได้หวังมันจะกลับคืนมาอีก
..ฉะนั้นฉันจึงหวังมีเพียงความทรงจำที่ดีเท่านั้นที่ยังเหลือไว้
ให้ฉันได้บ้างเมื่อฉันมีโอกาสจะช่วยอะไรกับทุกคนได้บ้างก็ขอให้ฉันได้มีโอกาสนั้นด้วย





บ้านสวน..ธนบุรี
2512